การผ่อนคลายความเครียดของคุณแม่ท้อง

photo credit : assets.inhabitot.com

ช่วงใกล้คลอดคุณแม่อาจจะมีความเครียดมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ท้องใหญ่มากแล้ว จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน จะทำอะไรก็ไม่สะดวกสบายเหมือนเก่าแล้ว ไหนจะเริ่มเตรียมการต้อนรับเจ้าตัวเล็ก ต้องเตรียมซื้อของ หรืออ่านข้อมูลการเลี้ยงลูกต่าง ๆ เพราะหวังว่าจะช่วยให้ดูแลเจ้าตัวเล็กได้ดีขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น การเตรียมตัวด้วยการอ่านศึกษาข้อมูลมากเกินไป อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งอาจส่งผลไปถึงลูกในท้องโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจค่ะ

ส่วนตัวส้มเองตั้งแต่ท้องมาจนถึงตอนนี้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว ถือว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่ไม่ได้ประสบความยากลำบากระหว่างท้องมากนัก คือ ไม่แพ้เลย และไม่มีอาการแทรกซ้อนอื่นใดจนถึงตอนนี้ ซึ่งนับว่าเป็นการตั้งท้องที่ราบเรียบมาก นอกเหนือจากท้องที่โตขึ้นแล้ว ตัวส้มเองก็รู้สึกปกติ ไม่ได้หงุดหงิดมากขึ้นหรือมีการเปลี่ยนแปลงใดเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ดี พอเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย ก็มีความกังวลโน่นนี่มาเรื่อย ๆ และพยายามศึกษาหาความรู้เตรียมพร้อมรับเจ้าตัวเล็ก โดยไม่รู้สึกตัวว่า การเสพข้อมูลเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้เราเกิดความเครียดได้ เพราะต่างตำราก็ต่างคำแนะนำ ดังนั้น ส้มเองก็เลยเลือกหาวิธีจัดการความเครียดให้กับตัวเอง เวลาที่เริ่มรู้สึกกังวล ไม่สบายใจ หรือสับสนกับการเตรียมตัวและคำแนะนำต่าง ๆ วันนี้ก็เลยอยากจะแชร์วิธีการที่ส้มทำแล้วรู้สึกว่าได้ผลมาให้คุณแม่ได้ฟังกันค่ะ

1. การออกไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์ เป็นอะไรที่ผ่อนคลายมากเลยค่ะ เป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อื่นใด แค่เดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ มองต้นไม้ รับลม รับแสงแดด ช่วงเช้า ๆ อากาศดี ถ้าคุณแม่อ่านข้อมูลเตรียมเลี้ยงลูกแล้วรู้สึกว่าหัวสมองเริ่มรับข้อมูลมากเกินไป ก็ให้หยุดแล้วลองออกไปเดินสูดอากาศบริสุทธิ์ดูค่ะ ในส่วนของคุณแม่ที่อยู่ที่กรุงเทพ แนะนำให้ลองหาต้นไม้เล็ก ๆ มาตั้งไว้ในออฟฟิศหรือที่บ้าน อาจช่วยพักสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้นะคะ
2. คุยกับคุณแม่ท่านอื่น ๆ บางครั้งเราเกิดความเครียดหรือกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ของเรา การได้พูดคุยกับคุณแม่ท่านอื่น ๆ ที่มีประสบการณ์ในการดูแลลูก เลี้ยงลูกมาก่อน จะช่วยให้เราได้มุมมองดี ๆ แล้วก็ผ่อนคลายด้วยนะคะ อย่างส้มชอบปรึกษาคุณแม่ สอบถามข้อมูล อ่านมาจากอินเตอร์เน็ตอันนี้จริงไหม หรือคุยกับเพื่อนที่มีประสบการณ์จริง ๆ เรื่องการให้นมลูก สอบถามว่าเวลาเกิดอาการแบบนี้ เป็นอันตรายไหมหรืออย่างไร เราควรปฏิบัติตัวอย่างไร บางครั้งการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ขอคำแนะนำจากคุณแม่ที่เป็นคนที่เราคุ้นเคย ก็สามารถทำให้เราไม่สติแตกไปซะก่อน (อย่างน้อยก็ช่วยส้มได้อย่างมากค่ะ ฮาา)
3. ทำ scrapbook หรือเขียนไดอารี่สำหรับลูก อันนี้ส้มทำแล้วผ่อนคลายมาก ชอบมากจริง ๆ พอเวลาเหนื่อยล้าจากการงาน หรือ รู้สึกว่าเราเสพข้อมูลเยอะเกินไปแล้ว สมองเริ่มเหนื่อยล้า ส้มก็จะไปตกแต่ง scrapbook ของลูกน้อย เขียนไดอารี่บรรยายความรู้สึก วันนี้ลูกของแม่เป็นอย่างไรบ้างในท้องแม่ ติดรูปเราตอนท้องเค้า ตัดแปะรูปภาพ เล่าเรื่องราวประจำวัน ทำแล้วเพลินมากค่ะ ลืมเวลาไปเลยอันนี้บอกตรง ๆ ความเครียดหายเป็นปลิดทิ้ง ความสนใจไปมุ่งอยู่กับการออกแบบงานศิลปะชิ้นเล็ก ๆ ที่ในอนาคตเจ้าตัวเล็กของเรามีโอกาสได้อ่านแล้วจะได้รู้ว่าขณะที่เขาอยู่ในท้องของเรา มีเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นน่าสนใจบ้าง

เวลาเครียด ลองหาวิธีผ่อนคลายในแบบที่ตัวเองชอบดูนะคะ การผ่อนคลายความเครียดนั้น จะทำให้ทั้งเราและลูกสุขภาพดี การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งดีนะคะ แต่อย่าให้ข้อมูลเหล่านั้นสร้างความกังวลให้กับคุณแม่ ข้อมูลใดที่คิดว่าดี เราก็จดจำไว้ ลองประยุกต์ใช้กับตัวเรา สุดท้ายแล้ว แม่แต่ละคนก็มีวิธีการเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันออกไป วิธีไหนที่บางคนใช้ได้ผล บางคนอาจจะใช้ไม่ได้ผลก็ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ควบคู่ไปกับลูกของเราค่ะ เพราะฉะนั้น ท้องไตรมาสสุดท้ายนี้ คุณแม่อ่านข้อมูลเก็บไว้ศึกษาได้ แต่ไม่ต้องเครียดตาม หรือ เสพข้อมูลมากเกินความจำเป็นนะคะ รักษาสุขภาพของเราและเตรียมพร้อมต้อนรับเจ้าตัวเล็กในแบบฉบับของเรากันเถอะค่ะ